การมีสุขภาพดีถือได้ว่าเป็นมงคลชีวิตอีกอย่างหนึ่งที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน เพราะว่าอาการเจ็บป่วย หรือ สุขภาพที่ไม่แข็งแรงมักจะเกิดอุปสรรคต่อการทำงาน หรือ กิจวัตรประจำวันเป็นอย่างมาก รวมไปถึงกิจกรรมบางอย่างที่จะต้องใช้ร่างกาย อาจจะถูกห้ามด้วยโรคประจำตัว โรคร้ายแรงต่าง ๆทำให้คุณพลาดโอกาสที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป อย่างไรก็ตามบางครั้งโรคภัยไข้เจ็บก็มักจะเกิดขึ้นโดยพฤติกรรมของตัวเองด้วยเช่นกัน โดยโรคที่พวกเราจะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักนั่นก็คือ “กรดไหลย้อน” ซึ่งต้องบอกว่าเป็นโรคที่ค่อนข้างมีความสำคัญเป็นอย่างมาก มีทั้งระดับไม่รุนแรง รวมทั้งระดับที่ต้องเฝ้าระวังอันตรายด้วย ในบทความนี้จะมาตอบคำถาม กรดไหลย้อนอันตรายไหม และรวบรวมสาเหตุ อาการ พร้อมทั้งวิธีป้องกันแก้ไขเกี่ยวกับปัญหานี้ สำหรับใครกำลังประสบปัญหานี้ต้องเรียนรู้ด้วยว่าโรคนี้มีอันตรายลึก ๆ แอบซ่อนอยู่ด้วยเช่นกัน
อาการของกรดไหลย้อน
เริ่มต้นกันด้วยเรื่องของ อาการของโรค “กรดไหลย้อน” หรือ อาการกรดไหลย้อนกันก่อน ซึ่งถ้าหากว่าคุณรู้สึกว่ามีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก โดยจะเป็นในช่วงที่รับประทานอาหารมื้อหนัก เช่น มื้อกลางวัน หรือ มื้อเย็น ที่ถูกพบขึ้นบ่อย ถ้ามีอาการดังกล่าวแน่นอนเลยว่านี่คือจุดเริ่มต้นของอาการกรดไหลย้อนนั่นเอง แต่ทว่ายังมีสัญญาณอื่น ๆ อีกมากมายดังนี้
- มีอาการเรอเปรี้ยว มีน้ำรสขม หรือ รสเปรี้ยวไหลย้อนขึ้นมาในปาก
- มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หลังจากรับประทานอาหาร
- มีอาการท้องอืด คล้ายกับอาหารไม่ย่อย
- มีอาการเจ็บหน้าอก จุก มีเหมือนก้อนติดอยู่ในลำคอ
- มีอาการหืดหอบร่วม ไอแห้ง มีเสียงแหบ และ มีอาการเจ็บคอแบบเรื้อรัง
อย่างไรก็ตาม กรดไหลย้อน ยังคงมีหลากหลายอาการที่แสดงออกมาแตกต่างกันไป รวมไปถึงความหนักเบาด้วย โดยในบางรายอาจจะมีอาการเจ็บหน้าอก เป็นไซนัสอักเสบ
รู้จักโรค “กรดไหลย้อน”
สำหรับโรคกรดไหลย้อน ในทางการแพทย์จะถูกเรียกว่า GERD หรือ Gastroesophageal Reflux Disease ซึ่งจะเป็นโรคที่พบได้ทุกเพศ ทุกวัย รวมไปถึงเด็ก ๆ ก็สามารถเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน ถือได้ว่าเป็นโรคทางเดินอาหารชนิดหนึ่ง โดยกรดไหลย้อนจะเป็นอีกหนึ่งภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารได้ย้อนขึ้นมาทางหลอดอาหาร จึงทำให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก มีอาการเรอเปรี้ยวอยู่บ่อย ๆ นั่นเอง เรียกได้ว่าโรคนี้คือภัยเงียบที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย
ถ้าหากว่าคุณเองมีอาการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น อาการเจ็บหน้าอก แสบร้อนกลางหน้าอก มีอาหารไอแห้ง หรือ หืดหอบมาร่วมด้วย หรือบางรายปวดท้องคล้ายอาหารเป็นพิษ ก็สังเกตตัวเองได้เลยว่าอาจจะเป็นอาการของกรดไหลย้อน อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจจะทำให้บางครั้งผู้ป่วยละเลยเกี่ยวกับสัญญาณดังกล่าว ก่อนที่สุดท้ายจะกลายเป็นแผลที่เกิดขึ้นอย่างเรื้อรังในหลอดทางเดินอาหารและที่สำคัญเป็นอันตรายต่อร่างกายในระยาวด้วยเช่นกัน
กรดไหลย้อนอันตรายไหม ?
เรื่องสำคัญที่จะต้องพูดถึงเกี่ยวกับโรคกรดไหลย้อน นั่นก็คือ ความอันตรายที่แฝงมาในรูปแบบของอาการต่าง ๆ เนื่องจากโรคนี้จะส่งผลเป็นอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะฤทธิ์ของกรดจะทำให้หลอดอาหารนั้นเกิดระคายเคือง ไปจนถึงเกิดการอักเสบได้เช่นกัน อีกทั้งเกิดแผลอย่างรุนแรง ทำให้กลืนอาหารได้ลำบาก รู้สึกเจ็บ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุปสรรคที่เป็นผลกระทบต่อการรับประทานอาหาร การพูด ที่สำคัญความกังวลใจจะนำไปสู่ความเครียด
กรดไหลย้อน โอกาสเกิดมะเร็งหลอดอาหาร
สำหรับโรคกรดไหลย้อน มีอันตรายแฝงอย่างโรคมะเร็งหลอดอาหารอยู่ด้วย ถ้าหากว่าไม่รักษาปล่อยเอาไว้นานจนมีอาการเรื้อรัง เกิดอาการแสบร้อนกลางอกอยู่บ่อย ๆ ก็อาจจะส่งผลให้เกิดแผลที่หลอดอาหารได้นั่นเอง โดยแผลจากภายในร่างกายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ากลัวเป็นอย่างมาก เพราะคุณเองจะไม่รู้เลยว่าตรงจุดใดภายในร่างกายที่กำลังเป็นแผล หรือ มีความผิดปกติ ดังนั้นแล้วเมื่อมีอาการของโรคกรดไหลย้อน ควรที่จะต้องตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งหลอดอาหารนั่นเอง
รู้จักมะเร็งหลอดอาหาร
ขอแนะนำให้ทุกท่านทำความรู้จักกับมะเร็งหลอดอาหารกันสักเล็กน้อย เพราะในผู้ที่มีอาการโรคกรดไหลย้อน อาจจะเกิดมะเร็งได้ โดยมะเร็งหลอดอาหารนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์เติบโตผิดปกติจนเกิดขึ้นเป็นเนื้อร้าย โดยจะมีสาเหตุที่เกิดจากเนื้อเยื่อชั้นใน มีโอกาสโตออกสู่ผนังด้านนอก โดยมะเร็งกระจายผ่านหนังหลอดอาหาร จะสามารถเข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง เส้นเลือดใหญ่ รวมทั้งทรวงอก รวมทั้งอวัยวะใกล้เคียงก็อาจจะกระจายเนื้อร้ายไปได้ โดยชนิดของมะเร็งหลอดอาหารจะมีดังต่อไปนี้
- Squamous cell carcinoma ประเภทนี้จะเกิดจากเซลล์เยื่อบุผนังหลอดอาหาร มักเกิดที่ส่วนต้นและส่วนกลางของหลอดอาหาร
- Adenocarcinoma ประเภทนี้จะเกิดจากส่วนที่เป็นต่อมในส่วนปลายของหลอดอาหาร
แน่นอนเลยว่า มะเร็งหลอดอาหารนั้น มีวิธีการรักษาที่ค่อนข้างที่จะเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อน รวมไปถึงการเจ็บตัวที่ต้องมีการผ่าตัด การฉายรังสี หรือ การทำเคมีบำบัด จึงเป็นโรคร้ายแรงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากอาการกรดไหลย้อนนั่นเอง
สาเหตุของกรดไหลย้อนเกิดจากอะไร
ในส่วนของสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางหน้าอกนั้น จะสามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายสาเหตุ หลายเหตุผล ซึ่งแน่นอนเลยว่าจะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมในการรับประทานอาหารโดยตรง รวมไปถึงระบบทางเดินหลอดอาหารที่อาจจะทำงานผิดปกติ รวมไปถึงภาวะความเครียดอื่น ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยพวกเราได้สรุปข้อมูลสาเหตุที่สำคัญที่อาจจะเป็นต้นเหตุของโรค “กรดไหลย้อน” ซึ่งจะมีดังต่อไปนี้
- เกิดจากหลอดอาหารส่วนปลายคลายตัว โดยที่ยังไม่ได้กลืนอาหาร
- มีความผิดติเกิดขึ้นที่หูรูดของหลอดอาหารส่วนปลาย หรือ ความดันหูรูดส่วนปลายลดลงต่ำกว่าปกติ
- เกิดจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิด หรือ สาเหตุทางพันธุกรรม
- กระเพาะอาหารผิดปกติ มีการบีบตัวของกระเพาะ ทำให้อาหารค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานกว่าที่ควรจะเป็น
- เกิดภาวะความเครียด ซึ่งจะส่งผลให้หลอดอาหารมีความไวต่อสิ่งกระตุ้น อ่อนไหวต่อกรด เมื่อมีกรดไหลย้อนเพียงเล็กน้อย แต่จะมีอาการทันที
- ปัจจัยในด้านอื่น ๆ เช่น โรคอ้วน การสูบบุหรี่ การดื่มน้ำอัดลม หรือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานยาบางชนิดที่อาจจะส่งผลให้กรดไหลย้อนได้นั่นเอง อีกทั้งผู้หญิงที่มีภาวะตั้งครรภ์ก็สามารถเกิดอาการกรดไหลย้อนได้เช่นเดียวกัน
รับประทานแล้วนอนเลย สาเหตุหลักของเรื่องนี้
เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงบ่อยมากสำหรับพฤติกรรมบางประเภท ที่อาจจะส่งผลโดยตรงที่ทำให้คุณเป็นโรคกรดไหลย้อนได้นั่นก็คือ การรับประทานอาหารแล้วนอนเลย ซึ่งการนอนจะส่งผลให้หูรูดของการทำงานหลอดอาหารทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้เกิดอาการกรดไหลย้อนขึ้นไป อีกทั้งท่านอนราบยังทำให้กรดไหลย้อนขึ้นไปได้ง่ายกว่าปกติเป็นอย่างมาก แน่นอนเลยว่าพฤติกรรมนี้เสี่ยงมากที่จะเกิดโรคกรดไหลย้อนได้ง่ายขึ้นมากถึง 2 เท่าเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าวก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้คุณไม่เกิดอาการแสบร้อนกลางหน้าอก หรือ กรดไหลย้อน อย่างไรก็ตามสาเหตุทั้ง 6 ข้อ ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้ตนเองกลับเข้าไปมีพฤติกรรมของแต่ละข้อนั่นเอง อย่างไรก็ตามวิธีการรักษา หรือ ป้องกันโรคกรดไหลย้อน ก็ยังช่องทางที่ช่วยให้คุณบรรเทาอาการเจ็บป่วย หรือ ห่างไกลจากโรคนี้ได้อยู่หลายประการเลยทีเดียว
รักษาและป้องกันโรคกรดไหลย้อน
อันตรายจากอาการกรดไหลย้อน คงมีหลายคนที่มองข้ามไปอย่างมาก เพราะไม่เคยรู้เลยว่าอาจจะเป็นต้นเหตุของมะเร็งหลอดอาหาร หรือ มะเร็งกระเพาะอาหารด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อได้รู้ถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังจะเป็นกรดไหลย้อนอยู่บ่อย ๆ การมองหาวิธีป้องกัน หรือ วิธีการรักษา จะต้องเป็นสิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงซึ่งพวกเราได้รวบรวมวิธีการดูแล และ ป้องกันการเกิดโรคกรดไหลย้อนโดยสรุปมาแบบเข้าใจง่าย ๆ ด้วยกันทั้งหมด 6 ข้อดังนี้
1.เลี่ยงอาหารที่เสี่ยงสุขภาพแย่
แน่นอนเลยว่าการรับประทานอาหารเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต โดยสิ่งที่คุณเองจะต้องหลีกเลี่ยงถ้าหากว่ามีอาการกรดไหลย้อนจะได้แก่ ชา กาแฟ อาหารที่มีไขมันสูง (ควรแยกให้ออกถึงประเภทไขมันดี ไขมันเลว) อาหารรสเผ็ด อาหารรสเปรี้ยว รวมไปถึงช็อกโกแลต แน่นอนเลยว่าอาหารเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงให้เข้าสู่ร่างกายน้อยที่สุด
2.ไม่ควรรับประทานอาหารให้อิ่มเกินไป
สำหรับข้อนี้คือวิธีป้องกันที่คุณเองควรจะเริ่มทำ เพราะว่าการรับประทานอาหารที่อิ่มเกินไป จะทำให้หูรูดหลอดอาหารเปิดง่ายขึ้น รวมทั้งการทำให้เกิดการย้อนหลังของกรดง่ายขึ้น ควรจะรับประทานแต่พอดีจะส่งผลดีต่อร่างกายได้มากกว่า
3.งดบุหรี่ และ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สำหรับสายดื่ม ถ้าหากว่าอย่างรักษาโรคกรดไหลย้อน ควรงดการสูบบุหรี่ เพราะสารนิโคตินก็จะทำให้เกิดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร พร้อมทำให้หูรูดอ่อนแอลง
4.หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่แน่นเกินไป
การแต่งตัวก็มีส่วนทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนเช่นเดียวกัน เพราะการรัดเข็มขัดที่แน่นเกินไป กับน้ำหนักที่เกินมาตรฐาน จะทำให้เกิดแรงกดต่อกระเพาะอาหารและทำให้กรดไหลย้อนกลับมานั่นเอง
5.ไม่ควรเข้านอน หรือ เอนหลังทันทีหลังรับประทานอาหารเสร็จ
ดังนั้นหลังจากการรับประทานอาหารควรรออย่างน้อย 3 ชั่วโมง แล้วค่อยนอน เพื่อให้อาหารเคลื่อนที่ออกจากกระเพาะอาหารเสียก่อน
6.ความเครียดที่ควรลด
จุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพที่ดี คือ ต้องไม่มีความเครียดอยู่ในจิตใจ สำหรับใครที่ยังคงมีความเครียด มีความวิตกกังวล จะทำให้ร่างกายทำงานได้ไม่เป็นปกติ อาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ อย่าง โรคเครียด นอนไม่หลับ โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น ดังนั้นควรที่จะหาเวลาที่ปลดปล่อยความเครียด ออกกำลังกาย ซึ่งจะทำให้ความเครียดลดลง
สำหรับวิธีการรักษา หรือ ป้องกันโรคกรดไหลย้อนนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มต้นเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองในชีวิตประจำวัน เพราะจุดเริ่มต้นของระบบทางเดินอาหารส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มที่พฤติกรรมในการรับประทานอาหาร ซึ่งการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายจะทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่ต้องการอย่างเพียงพอ แน่นอนเลยว่าระบบการทำงานของร่างกายก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นควรใส่ใจเรื่องอาหาร และ พฤติกรรมการรับประทานอาหารเป็นเรื่องแรก
หลังจากที่ได้รู้จักโรคกรดไหลย้อนกันไปแล้ว ตั้งแต่สาเหตุในการเกิดโรค รวมทั้งอันตรายแฝงที่อาจจะทำให้เกิดโรคร้ายแรงอย่าง มะเร็งหลอดอาหาร หรือ มะเร็งกระเพาะอาหาร ที่ตรวจหาได้ยาก คุณเองจะไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดแผลในทางเดินอาหารหรือกระเพาะ วิธีการรักษาถึงแม้ว่าจะมีช่องทางในการช่วยเหลือมากมายแต่คุณเองก็ต้องเข้ากระบวนการผ่าตัด หรือ ทำเคมีบำบัด ซึ่งอาจจะต้องเสียทั้งเวลา เสียทั้งเงินด้วยนั่นเอง ดังนั้นเรื่องกรดไหลย้อนจึงเป็นอีกเรื่องที่จะต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร การรับประทานอาหาร พฤติกรรมบางอย่างที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย พร้อมทั้งเมื่อไหร่ที่เกิดสัญญาณเตือน ไม่ว่าจะเป็นอาการแสบร้อนกลางหน้าอก หรือ ความผิดปกติอื่น ๆ ต้องรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด ต้องดูแลร่างกายก่อนสายเกินไป
อ้างอิง:
- ป้องกันดูแลรักษาโรคกรดไหลย้อน. https://www.huachiewtcm.com/content/6971/ป้องกันดูแลรักษาโรคกรดไหลย้อน
- เช็กอาการแบบไหนใช่ “กรดไหลย้อน”. https://www.sikarin.com/health/อาการ-กรดไหลย้อน
- โรคกรดไหลย้อน – อาการและการรักษา. https://www.bumrungrad.com/th/conditions/gerd-gastroesophageal-reflux-disease