แก้ท้องผูก ด้วยธัญพืชทั้ง 8 ดีต่อลำไส้ ไฟเบอร์สูงมาก

แก้ท้องผูก ด้วยธัญพืชทั้ง 8 ดีต่อลำไส้ ไฟเบอร์สูงมาก

ท้องผูกเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงของระบบย่อยอาหาร สาเหตุของโรคท้องผูกอาจมีหลายปัจจัย เช่น การกินอาหารที่ไม่เหมาะสม สารพิษ และยา นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของผู้ป่วย ได้แก่ การนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ โดยไม่ได้หมุนตัวหรือเคลื่อนไหว การดื่มน้ำไม่เพียงพอ และการอดอาหาร นอกจากนี้ ผู้ป่วยสามารถ แก้ท้องผูก ได้ด้วยตัวเองก่อน โดยการรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ธัญพืช ผักใบเขียว และผลไม้ หรือสามารถดื่มน้ำมะพร้าว เพื่อช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารในลำไส้ได้ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดินเร็ว วิ่ง เพื่อช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายของร่างกาย


8 ธัญพืช ดีต่อลำไส้ ไฟเบอร์สูงมาก

ธัญพืชเป็นแหล่งพลังงานคาร์โบไฮเดรตและเป็นใยอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ ให้โปรตีนสูง และไฟเบอร์สูง มีไขมันดีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ด้วยคุณค่าทางอาหารสูงเหล่านี้จึงช่วยในการขับถ่าย เป็นมิตรต่อลำไส้ และช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอล มาดูธัญพืชที่ดีต่อลำไส้ทั้ง 8 ดีกว่าว่าจะมีอะไรบ้าง

แก้ท้องผูกด้วยธัญพืชทั้ง 8

1. กราโนล่า

ส่วนใหญ่นิยมนำมาทานเป็นอาหารเช้า อาหารว่าง มีส่วนผสมอย่างธัญพืช ข้าวโอ๊ต และเมล็ดถั่วต่าง ๆ (เช่น อัลมอนด์, เม็ดมะม่วงหิมพานต์, เมล็ดฟักทอง) เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องถ่ายขับถ่าย เพราะสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ จะช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกาย ดีต่อระบบย่อยอาหาร ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักก็สามารถเลือกทานได้เช่นกัน

2. ควินัว

ด้วยความที่ควินัวมีแคลอรี่ต่ำและมีเส้นใยอาหารสูง ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ กระตุ้นระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูกที่จะนำไปสู่โรคริดสีดวงทวาร และยังช่วยลดการสะสมของไขมันส่วนเกินในร่างกายได้อีกด้วยเหมาะกับทุกคนที่อยากลดปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกาย และผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไขมันอุดตันเส้นเลือด

3. เมล็ดเจีย

มีลักษณะคล้ายกับเม็ดแมงลักแต่มีขนาดเล็กกว่า อุดมไปด้วยใยอาหาร โปรตีน กรดไขมันจำเป็น มีไฟเบอร์สูงมาก เมล็ดเจีย 100 กรัม มีไฟเบอร์ถึง 34.4 กรัม จึงช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย แก้อาการท้องผูกได้ แถมยังให้แคลอรี่ต่ำอีกด้วย แต่สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย ให้หลีกเลี่ยงการรับประทานเมล็ดเจียแบบดิบๆ

4. งาดำ

งาดำมีแคลเซียมสูง มีสารเซซามิน ที่ช่วยในการยับยั้งการพัฒนาเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์สลายกระดูกที่ให้เกิดโรคข้อเสื่อม โรคกระดูกพรุน นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย แต่ต้องระวังในเรื่องของปริมาณ หากบริโภคมากเกินไปจะทำให้เกิดการระบายมากผิดปกติจนนำไปสู่อาการท้องร่วง

5. ข้าวบาร์เลย์

ข้าวบาร์เลย์ ดีต่อระบบทางเดินอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ช่วยในการขับถ่าย ข้าวบาร์เลย์อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารหลากชนิด รวมถึงเบต้ากลูแคนที่คาดว่าอาจช่วยควบคุมอัตราการย่อยและการดูดซึมคาร์โบไฮเดรตและไขมันได้ ซึ่งทำให้การรับประทานข้าวบาร์เลย์นั้น นอกจากจะช่วยเรื่องผู้ที่มีภาวะท้องผูกแล้ว ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย

6. ข้าวโอ๊ต

เป็นธัญพืชชนิดไม่ขัดสี อุดมไปด้วยสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินที่มีประโยชน์มากมาย ไฟเบอร์ในข้าวโอ๊ตชื่อว่า เบต้ากลูแคน ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยดูดซึมสารพิษออกจากร่างกาย ขจัดของเสียในลำไส้ โดยจะกำจัดออกมาพร้อมกับอุจจาระ เหมาะสำหรับคนลดน้ำหนักและสลายไขมันส่วนเกินในร่างกาย

7. ถั่วแดง

ถั่วแดงมีคุณค่าโปรตีนสูง มีวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และเส้นใยอาหาร แต่ไขมันอิ่มตัวน้อย ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ ช่วยลดความดันโลหิต ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ร่างกายสามารถเผาผลาญอาหารได้ดี เพราะมีไฟเบอร์สูง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ช่วยเรื่องการขับถ่าย

8. อัลมอนด์

อัลมอนด์เป็นถั่วที่มีใยอาหารมาก อัลมอนด์ประมาณ 28 เม็ด ให้ไฟเบอร์ได้ถึง 3.5 กรัม หากรับประทานอัลมอนด์ในปริมาณที่เหมาะสมจะมีส่วนช่วยกระตุ้นแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ส่งผลดีต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ช่วย แก้ท้องผูก ได้

 

หากคุณมีอาการ ท้องผูกเรื้อรังมานาน ทำอย่างไรให้หายเร็ว ?


วิธีดูแลตัวเอง หากมีอาการท้องผูก

หากอาการท้องผูกเป็นปัญหาที่คุณพบบ่อย นอกจากการกินเหล่าธัญพืชที่แนะนำไป คุณยังสามารถใช้วิธีแก้ไขเบื้องต้นอื่น ๆ ได้ โดยการกินกากใยอาหารหรือพวกไฟเบอร์ให้มากขึ้น เช่น ผักใบเขียว ผักสลัด ผลไม้ และเมล็ดพืช เนื่องจากจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และการขับถ่ายอุจจาระ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยการเดินหรือวิ่ง เป็นต้น อีกวิธีหนึ่งก็คือการดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับถ่ายอุจจาระได้ดีขึ้น และอย่าลืมนอนพักผ่อนเพียงพอเพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้อย่างเหมาะสม บทความเพิ่มเติม ไฟเบอร์ ช่วยเรื่องอะไร

 

นอกจากวิธีดูแลตัวเองที่กล่าวมาแล้ว ยังมีวิธีการแก้ไขท้องผูกที่อยู่ในกลุ่มของการใช้ยา เช่น การใช้ยาทางเดินอาหาร ยาถ่าย และยาช่วยแก้ท้องผูก เป็นต้น แต่การใช้ยาเหล่านี้นั้นควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากการใช้ยาไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ รวมถึงควรปรับปรุงพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดท้องผูก ควรลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง อาหารหวาน และอาหารที่มีสารก่อโรค เช่น อาหารจานด่วน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเพิ่มการบริโภคอาหารที่มีใยอาหารสูง ไม่เช่นนั้น คุณอาจเสี่ยงเป็นโรคร้ายแรงอื่น ๆ หรือ โรคริดสีดวง ก็ได้

 

หากคุณกำลังมีปัญหาท้องผูก คุณสามารถลองทำตามวิธีดูแลตัวเองที่กล่าวมาเพื่อลดอาการท้องผูกได้ แต่หากอาการยังคงไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาอย่างเหมาะสมอย่างเร็วที่สุด


อ้างอิง